ผู้เขียน หัวข้อ: 8683 Minifigure Serie 1  (อ่าน 9396 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ danoob

  • Verified Member
  • Jr. Member
  • *
  • กระทู้: 225
    • www.muangthongpet.com
8683 Minifigure Serie 1
« เมื่อ: 13 มกราคม 2015 / 10:16:17 PM »
8683 Minifigure Serie 1
ชุดนี้จะประกอบด้วย 16 แบบให้สะสมครับ
โดย 1 กล่องของ 8683 กล่องนี้จะมีทั้งหมด 60 ซองนะครับ

เริ่มจากกล่อง (เดี๋ยวถ่ายมาลงให้นะครับขอติดไว้ก่อน)

หลังจากนั้นมาก็จะเจอซองครับ

ซองด้านหน้า


ซองด้านหลัง


พอเปิดซองออกก็จะพบ Minifig ข้างในซองครับและอีกสิ่งที่ต้องพบคือสิ่งนี้ครับ
เหมือนคู่มือ

ด้านหน้าคู่มือ


ด้านหลังคู่มือครับ


ซึ่งจะมีอยู่ในทุกซองเหมือนกันครับ

มาเริ่มกันเลยนะครับ

1.Dummy ครับ หรือว่าเป็นหุ่นที่ไว้ทดสอบคุณภาพรถว่ามีคุณสมบัติความปลอดภัยว่าผ่านมาตรฐาน
ที่กำหนดหรือไม่โดยแต่ละทวีปหรือแต่ละประเทศก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่กฎข้อบังคับต่างๆของประเทศหรือทวีปนั้นๆ
เขาเหล่านี้เป็นผู้ที่ทำให้เราปลอดภัยเวลาใช้ถนนครับ

เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 6 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Dummy
2.ตัวของ Minifig ของ Dummy
3.ส่วนขา Minifig ของ Dummy
4.ประแจสีดำ
5.แผ่นป้ายที่เขียนว่า PA770
6.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ


หลังจากนำชิ้นส่วนมารวมกัน
ด้านหน้า


ด้านหลัง


ด้านข้างทั้ง 2 ข้าง



2.Ninja - นินจา นักฆ่าซัดอาวุธดาวกระจายที่โด่งดังในภาพยนตร์ญี่ปุ่นนั้น เดิมทีไม่ใช่มีภาพเช่นนั้น เชื่อกันว่า นินจาเป็นศิลปะการต่อสู้ที่ฝึกฝนในกลุ่มนักบวช ที่เผยแพร่จากจีนมาญี่ปุ่นในช่วงเผยแผ่ศาสนาราวปีค.ศ.522 กลุ่มนักบวชเหล่านี้ไม่ใช้วิชาการต่อสู้เพื่อความรุนแรง จนกระทั่งปีค.ศ. 645 ที่ฝ่ายสงฆ์เริ่มนำวิชาการต่อสู้นี้มาใช้ หลังจากถูกกดขี่บีบคั้นจากรัฐบาลกลางให้ปกป้องตนเอง

ในสมัยเฮอันที่เกิดการต่อสู้ชิงอำนาจกันระหว่างตระกูลเพื่อโค่นล้มราชสำนัก ตระกุลใหญ่ๆ เหล่านี้ต้องการนักฆ่ามืออาชีพที่ทำงานหาข่าวและลอบสังหารฝ่ายตรงข้าม ทำให้คนที่ฝึกวิชาการต่อสู้เป็นที่ต้องการสูงมาก และกลุ่มนินจาก็เริ่มต้นตั้งแต่บัดนั้น

คำว่า นินจา มาจากคำว่า ชิโนบิโนโมโน่ เมื่อเขียนด้วยตัวอักษรคันยิ อ่านว่า "นินชา" หากอ่านเป็นภาษาจีนจึงเป็น "นินจา" นินหมายถึงการหลบซ่อน จาหมายถึงบุคคล นินจาจึงหมายถึงบุคคลที่ซ่อนตัว ชนิดแวบไปแวบมานั่นเอง

ซึ่งนินจานั้นเคยปนากฎโฉมใน Lego คือเป็น Subtheme ของ Castle ในปี 1998-2000 ประกอบด้วยทั้งหมด 29 ชุด

เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 6 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Ninja
2.ตัวของ Minifig ของ Ninja
3.ส่วนขา Minifig ของ Ninja
4.ผ้าคลุมหัวของนินจา(หมวก)
5.ดาบสีทอง 2 เล่มครับ
6.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ


หลังจากนำชิ้นส่วนมารวมกัน
ด้านหน้า


ด้านหลัง


ด้านข้างทั้ง 2 ข้าง



3.Diver นักดำน้ำ คำว่า “ดำน้ำ” ที่เราใช้เรียกกันนั้นตรงกับภาษาอังกฤษที่ใช้ว่า SCUBA DIVING ย่อมาจากคำว่า “Self Contained Underwater Breathing Apparatus” Diving หมายถึง การดำลงไปใต้น้ำด้วยอุปกรณ์ที่มีอากาศสำหรับหายใจใต้น้ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็สามารถดำน้ำได้โดยไม่ผ่านการฝึกฝนอย่างถูกวิธี
     การดำน้ำอีกรูปแบบหนึ่งที่ดำเพียงผิวน้ำ มีหน้ากากและท่อหายใจทำให้มองเห็นและหายใจได้โดยสะดวก และมีตีนกบช่วยให้เคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว หากมีความชำนาญจะสามารถดำลงไปใต้น้ำได้ แต่มีระยะเวลาจำกัด เท่าที่สามารถกลั้นหายใจใต้น้ำได้ การดำน้ำที่ผิวน้ำแบบนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Snorkeling” มนุษย์กบ มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน สมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ หาวิธีลงไปดูวิวใต้ทะเลสำเร็จโดยเข้าไปอยู่ในกล่องรูปวงกลมที่ทำด้วยกระจกแล้วหย่อนลงไปในทะเล ทำให้มองเห็นวิวรอบ ๆ ตัวได้

ซึ่งนักดำน้ำนั้นเคยปนากฎโฉมใน Lego เช่น Aquazone 1995-1999 ประกอบด้วย 28 ชุด
                                   Aqua Raiders 1997 ประกอบด้วยทั้งหมด 7 ชุด ยังมีธีมอื่นๆอีก
                                   และล่าสุดก็คือ ธีม Atlantis 2010 ซึ่งตอนนี้ประกอบด้วย 18 ชุด

เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 8 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Diver
2.ตัวของ Minifig ของ Diver
3.ส่วนขา Minifig ของ Diver
4.หมวกสีฟ้าดำน้ำ
5.หน้ากาก (อันนี้มีท่ออากาศด้วยนะครับ)
6.ถังออกซิเจน
7.เท้ากบ 2 ข้าง
8.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ


หลังจากนำชิ้นส่วนมารวมกัน
ด้านหน้า


ด้านหลัง


ด้านข้างทั้ง 2 ข้าง



4.Astronaut นักบินอวกาศ บุคคลที่เดินทางไปกับยานอวกาศ ไม่ว่าจะไปในฐานะใด และไม่ว่าจะไปด้วยยานอวกาศแบบไหน ทั้งที่โคจรรอบโลก (ในระยะสูงจากพื้นราว 80-100 กิโลเมตรขึ้นไป)หรือที่เดินทางออกไปยังตำแหน่งอื่นใดนอกวงโคจรของโลก
ในเลโก้นั้นมีมากมายหลายธีมในอดีตแต่ในปัจจุบันเขาได้กลายร่างเป็น Space Police กันหมดแล้ว

เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 8 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Astronaut
2.ตัวของ Minifig ของ Astronaut
3.ส่วนขา Minifig ของ Astronaut
4.หมวกสีขาวที่ออกแบบมาไม่เหมือนหมวกอัศวินเดิมๆ
5.หน้ากากสีเทา
6.ด้ามสีเทา(คิดว่าเป็นด้ามปืน)
7.แท่งสีน้ำเงิน(น่าจะเลเซอร์)
8.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ


ด้านหน้า


ด้านหลัง


ด้านข้าง 2 ข้าง





ออฟไลน์ danoob

  • Verified Member
  • Jr. Member
  • *
  • กระทู้: 225
    • www.muangthongpet.com
Re: 8683 Minifigure Serie 1
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 13 มกราคม 2015 / 10:16:46 PM »
5. Cow boy เด็กเลี้ยงวัว Cowboy in the western United States, a horseman skilled at handling cattle, an indispensable labourer in the cattle industry of the trans-Mississippi west, and a romantic figure in American folklore. Pioneers from the United States encountered the vaquero (Spanish, literally "cowboy"; English "buckaroo"), on ranches in Texas about 1820, and some pioneers mastered his skills.















รูปจาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=135576

โดยเลโก้ได้มีการผลิตธีม Western นี้ในปี 1996 1997 2002 โดยมีทั้งหมด 12 ชุดที่เป็นคาวบอยนะครับ(ส่วนอินเดียแดงโปรดรอไปก่อน)

เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 6 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Cowboy
2.ตัวของ Minifig ของ Cowboy
3.ส่วนขา Minifig ของ Cowboy
4.หมวกปีกกว้างสีน้ำตาล
5.ปืนสั้นสีเทา x 3
6.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ


ด้านหน้า

ด้านหลัง

ข้าง



6.Magician มายากล คือ เป็นศิลปะการแสดงเพื่อความบันเทิง มีลักษณะการแสดงการลวงตาต่อผู้ชมโดยแสดงเหตุการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ให้เกิดขึ้น ราวกับว่าผู้แสดงมีเวทมนตร์ การแสดงมายากลนี้มีการแสดงหลากหลาย ไม่ว่าแสดงตามโรงละคร โรงภาพยนตร์ หรือแม้แต่การแสดงตามท้องถนน ผู้แสดงมายากลจะถูกเรียกว่า นักมายากล หรือ มายากร

จุดมุ่งหมายของการแสดงมายากลนั้นใช้เพื่อความบันเทิงและการตื่นตาต่อผู้ ชมเป็นหลัก ซึ่งผู้ชมเองคาดหวังที่จะเห็นการแสดงที่ตื่นเต้น แต่ในขณะเดียวกันผู้ชมบางส่วนมีเจตนาจับผิดผู้แสดงหรือต้องการรู้ความลับของ การแสดงมากกว่าชมเพื่อการบันเทิงซึ่งก่อให้เกิดการเสียรสชาติในการชมได้



กลแต่ละชนิดอาจจำแนกได้ในหลายหมวดหมู่ ซึ่งโดยทั่วไปลักษณะของมายากล เช่น การสร้างของจากที่ไม่มีอะไร โดยนักมายากลเสกของบางอย่างมาจากเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะมีอยู่จริง เช่นการดึงกระต่ายออกมาจากหมวก หรือการเสกเหรียญมาจากกล่องที่ว่างเปล่า การทำสิ่งของให้หาย เช่น นักมายากลเสกของที่มีอยู่ให้หายไปจากสายตาของผู้ชม ซึ่งมีลักษณะตรงข้ามกับการสร้าง ตัวอย่างเช่นการทำให้ไพ่ในมือที่ถืออยู่หายไป หรือการเสกของใหญ่เช่นเสกเครื่องบินที่อยู่ต่อหน้าผู้ชมให้หายไป โดยนอกจากนี้ก็ยังมีการทำนายจิตใจ หรือการแสดงการเคลื่อนไหวในลักษณะที่แปลก เช่นการลอยกลางอากาศ

มายากลสามารถแบ่งออกได้เป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท คือมายากลระยะใกล้ และมายากลระยะไกล



เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 7 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Magician
2.ตัวของ Minifig ของ Magician
3.ส่วนขา Minifig ของ Magician
4.หมวกมีปีกสีดำ
5.ทรงผมสีดำ
6.กระบองมายากล
7.ฐานรองสีดำ

ตามรูปเลยครับ



ด้านหน้า

ด้านหลัง

ด้านข้าง



7. Forest man (โรบินฮูด) จากตำนานพื้นบ้านสุดคลาสสิกของชาวอังกฤษ สมัยศตวรรษที่ 12-13 ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดีในเรื่อง โรบิน ฮูด ซึ่งได้เคยนำมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มมานานหลายทศวรรษ และได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากหลายสถาบัน กระทั่งบริษัทเลโก้ ได้นำตำนานมาสร้างสรรค์ผลงานรูปแบบใหม่ในรูปแบบของ Minifig สุดน่ารัก ราชาจอมโจร Robin Hood กับเรื่องราวของโจรป่า หลังจากที่ โรบิน ฮูด เดินทางกลับประเทศอังกฤษ ภายหลังจากที่ต้องไปรบในสงคราม ครูเสดร่วมกับ กษัตริย์ริชาร์ด นานถึง 5 ปี เขากลับพบว่าครอบครัวของเขาถูกสังหาร และทรัพย์สมบัติถูกทำลายโดยฝีมือของนายอำเภอคนใหม่แห่งนอตติงแฮม ผู้มีจิตใจหยาบช้า และฉวยโอกาสตอนที่ กษัตริย์ ริชาร์ด ไปรบ โกงเอาเงินของประชาชนมาเป็นของตัวเองจนทำให้บ้านเมืองตกต่ำ และที่สำคัญนายอำเภอหวังที่จะเอาชีวิตของ โรบิน เนื่องจากเขาเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ และยังเป็นตัวขวางทางไม่ให้นายอำเภอตั้งตนเป็นใหญ่ได้ โรบิน จึงตั้งปณิธานที่จะแก้แค้นและกอบกู้ชื่อเสียงให้กับครอบครัวของเขา โดยรวบรวมเพื่อนฝูงที่เขาเคยช่วยชีวิตเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น มัช วิล สกาเล็ท อัลลัน เอ.เดล รอย และ ดีจาห์ มาเข้ากลุ่ม



แต่เมื่อกลุ่มของ โรบิน ต้องหลบหนีการตามล่าจากนายอำเภอเข้าไปในป่าเชอร์วูด ทำให้ โรบิน ต้องเผชิญหน้ากับ ลิตเติล จอห์น หัวหน้าโจรที่อยู่ในป่าเชอร์วูด แต่ โรบิน ได้แสดงฝีมือการยิงธนู และการต่อสู้จนได้รับ การยอมรับให้เป็นหัวหน้าโจรแห่งป่าเชอร์วูดหลังจากนั้น โรบิน เริ่มปฏิบัติการแก้แค้นนายอำเภอด้วยการออกปล้นคนรวยเพื่อนำไปแจกจ่ายให้คนจน และสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นภายในเมืองทุกครั้งที่มีโอกาส ทำให้นายอำเภอกับพรรคพวกโกรธ นายอำเภอจึงประกาศว่าใครที่สามารถจับ โรบิน ได้จะมีรางวัลให้อย่างงาม และนั่นได้ทำให้ชีวิตของ โรบิน และ แมเรียน ลูกสาวของอดีตนายอำเภอ ผู้เป็นหญิงสาวที่ โรบิน รัก ต้องตกอยู่ในอันตราย เหนือสิ่งอื่นใด โรบิน จะต้องหาทางนำเอาอิสรภาพคืนให้กับชาวเมือง และยังต้องต่อสู้กับศัตรูหัวใจอย่าง กิสบอร์น มือขวาของนายอำเภอที่หลงรัก แมเรียน และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตัว แมเรียน มาครอบครอง



เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 8 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Forest man
2.ตัวของ Minifig ของ Forest man
3.ส่วนขา Minifig ของ Forest man
4.หมวกสีเขียว
5.พู่สีแดง
6.ธนูสีน้ำตาล
7.ปลอกใส่ธนู
8.ฐานรองสีดำ

ตามรูปเลยครับ



ด้านหน้า

ด้านหลัง

ด้านข้าง



8.Barbarian

    เป็นช่วงเวลาที่ยังไม่มีการจดบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับชุมชนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เนื่องจากยังไม่มีการรับเอาตัวอักษรจาก ที่อื่น หรือยังมิได้มีการประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นมาใช้ในการจดบันทึก ในประเทศไทยเราสามารถแบ่งได้เป็นยุคสมัยต่าง ๆ ดังนี้

    สมัยหินเก่า
    เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์ยังดำรงชีวิตอยู่ด้วยการเร่ร่อนเก็บของป่าและล่าสัตว์มาเป็นอาหาร อาศัยอยู่ตามถ้ำแต่ไม่ถาวร เนื่อง จากต้องย้ายถิ่นเพื่อแสวงหาแหล่งอาหารไปเรื่อย ๆ เพราะยังไม่รู้จักการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ไม่รู้จักทำเครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือที่ใช้ก็มักจะทำจากกระดูกสัตว์เขาสัตว์ หรือก้อนหินนำมากะเทาะอย่างหยาบ ๆ ให้มีคมสำหรับใช้ในการสับหรือ ตัด สมัยนี้มีอายุประมาณ 500,000-10,000 ปี
    สมัยหินกลาง ถ้วยชามโบราณ สมัยหินกลาง
    มนุษย์ในช่วงเวลานี้มีการพัฒนาขึ้นจากยุคหินเก่า จับปลาและล่าสัตว์เก่งกว่า เริ่มรู้จักการเพาะปลูกแบบง่าย ๆ มีการปรับ ปรุงการทำเครื่องมือหินกะเทาะให้มีความประณีตมากขึ้นและมีการใช้สะเก็ดหินทำเครื่องมือด้วย รู้จักทำเครื่องปั้นดินเผา มีการประกอบพิธีกรรมในการฝังศพ สมัยนี้มีอายุประมาณ 10,000-8,000 ปี
    สมัยหินใหม่
    มนุษย์ในสมัยนี้เริ่มรู้จักการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์สำหรับใช้งานและเป็นอาหาร จึงไม่ต้องเร่ร่อนเก็บของป่าล่าสัตว์ สามารถตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนเป็นหลักแหล่งทำให้มีเวลาว่างมากขึ้น การประดิษฐ์เครื่องมือหินจึงมีความประณีตมากขึ้น โดยมีการฝนผิวเครื่องมือหินจนเรียบ เรียกว่า “เครื่องมือหินขัด” รู้จักใช้ไฟ มีการทำเครื่องปั้นดินเผา และรู้จักหุงต้ม อาหารให้สุกก่อนกิน สมัยนี้มีอายุประมาณ 8,000-3,000 ปี

    ทั้งสมัยหินเก่า สมัยหินกลางและสมัยหินใหม่นี้ เราสามารถเรียกแบบรวม ๆ กันว่า “ยุคหิน” เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ มนุษย์ใช้เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำจากหินเช่นเดียวกัน



เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 6 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Barbarian
2.ตัวของ Minifig ของ Barbarian
3.ส่วนขา Minifig ของ Barbarian
4.ผมที่รุงรัง
5.กระบองสีน้ำตาล
6.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ


ด้านหน้า

ด้านหลัง

ด้านข้าง





ออฟไลน์ danoob

  • Verified Member
  • Jr. Member
  • *
  • กระทู้: 225
    • www.muangthongpet.com
Re: 8683 Minifigure Serie 1
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 13 มกราคม 2015 / 10:18:54 PM »
9. Cheerleader

“Cheerful Heart of Empathy to Echo Relationship Leading Everyone to

Absolute Delight of Eternal Reputation” หรือแปลเป็นไทยว่า "ด้วย สีสันผันผ่านเป็นการแทนใจ เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกห่วงใยสู่ไมตรีจิตอันยิ่งใหญ่ ฝากไว้ในใจทุกคน เพื่อความสุขสมหวังดังปรารถนา เพื่อชื่อเสียงและเกียรติยศที่ได้มา ด้วยเวลา หยาดเหงื่อและความตั้งใจจริงที่คง” นี่คือนิยามของความเป็นเชียร์ลีดเดอร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จะยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน




เชียร์ลีดเดอร์ (cheerleader) หรือ ผู้นำเชียร์ คือผู้ที่ทำหน้าที่ในการนำฝูงชนให้มีความฮึกเหิม โห่ร้อง ตะโกน ร้องเพลง ให้กำลังใจ เชียร์นักกีฬาที่กำลังทำการแข่งขัน เพื่อให้นักกีฬามีกำลังใจสู้ในการแข่งขัน ในประเทศไทยเน้นการให้จังหวะ รหัส สัญญาณ ให้กองเชียร์ร้องเพลง พร้อมเพรียง เสียงดัง และ เกิดความสนุกนานในการชมการแข่งขัน




ส่วนเชียร์ลีดเดอร์ในบางประเทศถือเป็นนักกีฬาเช่นกัน เรียกว่ากีฬา เชียร์ลีดดิง (cheerleading) ซึ่งประกอบไปด้วยหลายแขนง ประกอบไปด้วย การต่อตัว การเชียร์ประกอบท่าท่างหรือที่เรียกว่าเชียร์และแชนท์ ยิมนาสติก การทำงานร่วมกันเป็นทีม การเต้น เป็นกีฬาที่ให้ทั้งความสนุกสนาน ความตื่นเต้น เนื่องจากทั้งหมดนี้มีการใช้ดนตรีเข้ามาประกอบจังหวะ ซึ่งประวัติศาสตร์ของกีฬาประเภทนี้มีมายาวนานแล้ว และปัจจุบันทุกประเทศเริ่มให้ความสนใจกีฬาประเภทนี้กันมากขึ้น



ประวัติของเชียร์ลีดเดอร์

กีฬาเชียร์ลีดเดอร์เริ่มแรกเมื่อ พ.ศ. 2441 ที่ มหาวิทยาลัยมินนิโซตา เริ่มจากการนั่งดูเกมส์การแข่งขันอเมริกันฟุตบอล และจากนั้นก็เริ่มมีผู้คนออกมาตะโกนร้องเชียร์ไปเรื่อย ๆ แล้วแต่ละโรงเรียนก็เริ่มออกมาเชียร์กันมากมาย



จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งออกไปที่ข้างหน้าสนาม ยืนต่อหน้าฝูงชนแล้วก็เริ่มตะโกนร้องว่า "Rah, Rah, Rah! Sku-u-mar, Hoo-Rah! Hoo-Rah! Varsity! Varsity! Varsity, Minn-e-So-Tah!" การกระทำของเป็นที่สนใจของคนดูเป็นอย่างมาก และทุกคนก็ตะโกนร้องเชียร์อย่างเต็มที่ไปกับเขาด้วย ผู้ชายคนนี้คือ Johnny Campbell และเขาก็กลายเป็นหนึ่งในเชียร์ลีดเดอร์คนแรกของโลก

 

ชมรม Pep Club ถือกำเนิดขึ้นมาครั้งแรกประมาณปี พ.ศ. 2423 ที่ มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน เมื่อ Thomas Peebler ได้นำชายหกคนไปนำเชียร์ข้างสนาม การเชียร์ของเขาคือ "Ray, Ray, Ray! TIGER, TIGER, TIGER, SIS, SIS, SIS! BOOM, BOOM, BOOM! Aaaaah! PRINCETON, PRINCETON, PRINCETON!" และก็ได้ยินเรื่อยมาตลอดการแข่งขันฟุตบอล



การตะโกนของ Peebler ได้ย้ายมาที่มหาวิทยาลัยแห่งมินเนโซตา ตามเจ้าตัวในปี พ.ศ. 2441 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ Johny Campbell ได้กระโดดออกไปยืนหน้าผู้คนและเริ่มการเชียร์ของเขาเอง ซึ่งมันก็คือที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เองที่เป็นที่เริ่มต้นกีฬาเชียร์ลีดดิ้ง (Cheerleading) ให้เป็นรูปเป็นร่าง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเชียร์ลีดเดอร์ก็ทำการเชียร์สนับสนุนทีมกีฬาอื่น ๆ เรื่อยมา

 

จะด้วยเหตุผลเดียวอันนี้หรือว่าอย่างอื่นด้วยไม่ทราบ บางโรงเรียนหรือว่าบางองค์กรขาดสปิริต อย่างเช่นงานชุมนุมบางงาน ครูจากฝ่ายพละชอบทำเสียงต่ำๆ พึมพัมๆ น่าเบื่ออยู่ในลำคอชวนพาท่านให้ผู้ชมง่วงนอน รวมไปถึงทีมกีฬาที่ดูน่าเบื่อตั้งแต่ถูกแนะนำตัวก่อนที่ลงเล่นแล้ว ไม่มีวงดนตรี ไม่มีการเอนเตอร์เทน ไม่มีการเชียร์...ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นมาเลย เชียร์ลีดดิ้ง (Cheerleading) สามารถที่จะเพิ่มสปิริตเข้าไปในงานนั้นๆได้อย่างมากมาย การจัดการทีมอาจจะใช้เวลาแค่เพียงนิดเดียวแต่ว่าจะก็ต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก และยาวนาน แต่ว่าเพียงแค่การแสดงเพียงครั้งเดียวของเชียร์ลีดเดอร์นั้นก็สามารถที่จะ เพิ่มความน่าสนใจเข้าไปในงานชุมนุมและเกมส์กีฬาได้อย่างดี และเป็นความจริงที่ว่าทีมเชียร์มักจะทำอะไรที่แตกต่างขึ้นในโรงเรียน อย่างเช่นว่า ลายพิมพ์เท่ห์ๆ บนเสื้อที่เขียนว่า "ขาดเชียร์ลีดเดอร์ มันก็เป็นแค่เกมส์ธรรมดา" คนส่วนใหญ่ที่มางานกีฬาก็เพื่อที่จะชมเกมส์ บางคนก็จะมาเพื่อเอนเตอร์เทนและสร้างความน่าตื่นเต้นน่าสนใจให้กับงาน เมื่อคุณทราบอย่างนี้แล้ว งานที่ปราศจากการเอนเตอร์เทนเมนท์และไม่รวมเอาคนดูเข้าไปด้วย งานแข่งกีฬาก็มักอาจจะออกมาแบบจืดชืดเสมอ





ในญี่ปุ่นมีกลุ่มที่ทำหน้าที่นำกองเชียร์อยู่สองกลุ่ม คือ โอเอ็นดัน หรือ กลุ่มนำเชียร์ กับกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์แบบในอเมริกา แรกเริ่มเป็นการรับอิทธิพลเข้ามาพร้อมกับกีฬาจากประเทศทางตะวันตก ในช่วงสมัยเมจิ (ค.ศ. 1868-1921) และหลังจากนั้นจากช่วงปี ค.ศ. 1890 เริ่มเกิดมีกลุ่มนำเชียร์ แต่งตัวเครื่องแบบนักเรียน นำเชียร์ด้วยการร้องตะโกนเพลง เชียร์ประกอบกับการตีกลอง โบกธงประจำสถาบัน ทำหน้าที่กระตุ้นให้กำลังใจในการแข่งขันกีฬา

อีกด้านหนึ่ง กล่าวกันว่าเริ่มจากสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ได้มีการจัดตั้งกลุ่มคนขึ้นเพื่อร้องเพลงปลุกขวัญให้กำลังใจสำหรับนักบินกา มิกาเซ ซึ่งจะต้องนำเครื่องบินบรรทุกระเบิดบินพุ่งชนศัตรูแล้วเสียชีวิต จากนั้นได้กลายมาเป็นลักษณะการนำเชียร์ปลุกใจนักกีฬา โดยจะนำให้กองเชียร์เคาะจังหวะ สัญญาณ ตะโกนเชียร์พร้อม ๆ กัน โดยลักษณะท่าทางการนำเชียร์จะนำมาจากการแสดงคาบุกิอันเป็นศิลปะการแสดงดั้ง เดิมของญี่ปุ่น ประกอบกับท่าทางของกีฬาซูโม่. กีฬาที่นิยมใช้ทีมโอเอ็นดัน ได้แก่ เบสบอล และแข่งพายเรือ ส่วนเชียร์ลีดเดอร์เป็นการรับเข้ามาจากอเมริกาประมาณ ค.ศ. 1987 โดยยึดรูปแบบตามอเมริกา และมีการจัดการแข่งขันขึ้นมาเป็นประจำทุกปี ปัจจุบันการเชียร์ในญี่ปุ่นจะเป็นการร่วมกัน ระหว่างสองชมรม คือ โอเอ็นดัน และ เชียร์ลีดเดอร์แบบอเมริกา

เป็นปรากฎการใหม่ของเลโก้ที่มีการนำ Minifig แหลกๆเข้ามาซึ่งอาจเข้ามาพร้อมธีมกีฬา ทั้งฟุตบอลและบาสเก็ตบอลที่เคยออกมาแล้ว
แต่แอบสงสัยนิดนึงคนออกแบบนี่ แอบเชียร์ทีม dallascowboys อยู่หรือไม่

ปล.Minifig อันนี้ไม่กล้าลงรูปวาบหวามมากกลัวโดนท่านเวปมาสเตอร์หรือแอดมิน Ban เลยหารูปที่คล้ายๆ Minifig มาลง
ซึ่งดูจากชุดแล้วคล้ายเชียร์รีดเดอร์ของ dallascowboys มากๆแค่ขาดตัว M ที่เสื้อ

เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 6 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Cheerleader
2.ตัวของ Minifig ของ Cheerleader
3.ส่วนขา Minifig ของ Cheerleader
4.ผมยาวสีทอง
5.พู่แบบน้ำเงินสลับขาว 2 อัน
6.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ


ด้านหน้า


ด้านหลัง


ด้านข้าง



10. Nurse ในที่สุดก็มาถึงนางฟ้าในชุดสีขาวแล้วนะครับใครหลายคนคงอยากมีเลโก้นางนี้เป็นของสะสม

พยาบาล (อาจเรียกว่า นางพยาบาล หรือ บุรุษพยาบาล) เป็นวิชาชีพที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วย พยาบาลพบได้ทั่วไปทำงานตามโรงพยาบาล คลินิก หรือสถานพยาบาลอื่น ๆ พยาบาลเป็นวิชาชีพที่ก่อนจะปฏิบัติงานจะต้องผ่านการสอบขึ้นทะเบียนความรู้ จากสภาการพยาบาลก่อนจึงจะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างสมบูรณ์ โดยพยาบาลสามารถที่จะดูแลผู้ป่วยได้ตามหลักการพยาบาลที่ได้เรียนมา เป็นเวลา 4 ปีสำหรับพยาบาลวิชาชีพ และสถาบันที่เปิดสอนหลักสูตรพยาบาลมีมากมายในประเทศไทยทั้งที่สังกัดกระทรวง สาธารณสุขและเอกชน

พยาบาลในปัจจุบันมักจะสวมชุดพยาบาลที่เป็นสีขาว หรือมีสีขาว และสวมหมวกที่มีลักษณะเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม พยาบาลในบางประเทศ หรือในบางวัฒนธรรมอาจใช้ชุดพยาบาลสีอื่น ๆ



การพยาบาล (ภาษาอังกฤษ: nursing) ตามความหมายที่ ฟลอเรนซ์ ไนติงเกล ได้ให้ไว้ หมายถึง กิจกรรมการช่วยเหลือผู้ป่วย เพื่อให้อยู่ในสภาวะที่จะต่อสู้การรุกรานของโรคได้อย่างดีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ทั้งร่างกายและจิตใจ เช่นเดียวกับความหมายของการพยาบาลที่เสนอโดย เวอร์จิเนีย เฮนเดอร์สัน ได้แก่ การพยาบาลคือการช่วยเหลือบุคคล (ทั้งยามปกติและยามป่วยไข้) ในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ หรือส่งเสริมการหายจากโรค (หรือแม้กระทั่งการช่วยให้บุคคลได้ไปสู่ความตายอย่างสงบ) ซึ่งบุคคลอาจจะปฏิบัติได้เองในสภาวะที่มีกำลังกาย กำลังใจ และความรู้เพียงพอ และเป็นการกระทำที่จะช่วยให้บุคคลกลับเข้าสู่สภาวะที่ช่วยตนเองได้โดยไม่ ต้องรับการช่วยเหลือนั้น โดยเร็วที่สุด



กิจกรรมสำคัญของการพยาบาลได้แก่

   รักษา ดูแล และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพยาบาล เป็นผู้ช่วยแพทย์ โดยการสังเกต และบันทึกความเปลี่ยนแปลงในคนไข้ รายงานให้แพทย์ทราบถึงอาการของคนไข้ตามลักษณะโรคที่เป็นทั้งร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ ช่วยฟื้นฟูสุขภาพของคนไข้ ช่วยคนไข้ให้ปรับตัวเข้ากับภาวะขัดข้องใดๆ ที่อาจเกิด จากการเจ็บป่วย จัดให้คนไข้ มีสิ่งแวดล้อมที่ถูกสุขอนามัย ป้องกันและควบคุมการเผยแพร่ของโรคติดเชื้อ สอนคนไข้ และประชาชนทั่วไปให้รู้จักการดูแลและส่งเสริมสุขภาพวางแผน มอบหมาย สั่งการ ดูแล และประเมินผลงานของผู้ช่วยพยาบาล และผู้ทำหน้าที่ประสานงาน ร่วมงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์ และอนามัยแขนงอื่นๆ ในการบริการคนไข้

   1. การดูแลให้ความสุขสบาย (care and comfort) ช่วยเหลือบุคคลให้สามารถจัดการกับปัญหาทางสุขภาพและการเจ็บป่วย (health illness continuum) ได้ด้วยตนเอง หน้าที่ของพยาบาลจึงมุ่งที่จะวิเคราะห์ข้อมูลทางการพยาบาล เพื่อให้ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (assesment and diagnosis)
   2. ให้คำแนะนำ คำสอนด้านสุขภาพ (health teaching) เพื่อคงไว้ซึ่งสุขภาพอันดีและส่งเสริมผลการรักษา มุ่งด้านการดูแลตนเอง (self care) ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนของสมาชิกในครอบครัว
   3. ให้คำปรึกษา (counselling) ด้านสุขภาพอนามัยทั้งในภาวะปกติ และขณะที่มีภาวะกดดัน อันเป็นเหตุให้สุขภาพเบี่ยงเบนไปจากปกติ
   4. ให้การดูแลด้านสรีรจิตสังคม (physiopsychosocial intervention) โดยการใช้วิธีการพยาบาลการปฏิบัติ

การพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพ ในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนามาเป็นลำดับ ตามการเปลี่ยนแปลงความต้องการด้านบริการสุขภาพของประชาชน และตามความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี



เมลลิส (melis 1997:13) ให้ความหมายทฤษฎีว่า เป็นข้อความที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างมโนทัศน์ ทฤษฎีการพยาบาล (nursing theory) เปรียบเสมือนเป็นการสรุปทางความคิดเกี่ยวกับข้อความจริงทางการพยาบาล โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพรรณาปรากฏการณ์ อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์ ทำนายผลที่จะเกิดขึ้น หรือ การควบคุมปรากฏการณ์ทางการพยาบาล

ฟอว์เซท (fawcett 1989) ให้นิยามโดยเน้นที่ปรากฏการณ์ทางการพยาบาล (nursing phenomena) โดยนิยามว่า ทฤษฎีการพยาบาลประกอบด้วยมโนทัศน์ และข้อสันนิษฐาน (proposition) ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากกว่าแบบจำลองความคิด ทฤษฎีการพยาบาลจะกล่าวถึงบุคคล สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และการพยาบาล และระบุความสัมพันธ์ระหว่างมโนทัศน์ทั้ง 4 ดังกล่าว

จากนิยามดังกล่าว ทฤษฎีการพยาบาลจึงเป็นข้อความแสดงความสัมพันธ์ระหว่างมโนทัศน์ทางการพยาบาล ที่พรรณา อธิบาย ทำนาย และควบคุมปรากฏการณ์ทางการพยาบาลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

ปล.ไม่ค่อยกล้าลงรูปคนเลยกลัวติดเรทแล้วจะโดนท่านเวปมาสเตอร์แบน

เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 7 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Nurse
2.ตัวของ Minifig ของ Nurse
3.ส่วนขา Minifig ของ Nurse
4.ผมสีน้ำตาล
5.เข็มฉีดยา 2 อัน
6.กระดานบันทึกข้อมูลผู้ป่วย
7.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ


ด้านหน้า


ด้านหลัง


ด้านข้าง



11. Zombieeeeee

 ซอมบี้หรือเรียกว่า"ซัมบิ" (zumbi) ..เชื่อกันว่า ซอมบีเป็นศพที่เดินได้ เนื่องจากเป็นร่างไร้วิญญาณที่ถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ด้วยอำนาจเวทมนตร์ของนักบวชในลัทธิวูดู ลักษณะการเดินของซอมบิดูคล้ายหุ่นยนต์ที่ไร้วิญญาณ ปราศจากแววตา และจะทำตามคำสั่งของนักบวช


ซอมบี้นั้นในภาษาพื้นเมืองไฮติเขา เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า "โบโกร์" (Bokor).. ซอมบี้เป็นทาสผีดิบของหมอผี หรือผู้ทรงไสยดำ ผู้ที่มีอำนาจ (เชื่อว่าเป็นอำนาจจากนรก) เรียกเอาคนตายกลับขึ้นมาจากหลุมศพ..ซอมบี้เป็นเพียงศพที่เดินได้มันกินอาหาร ได้ อาหารที่กินเป็นอาหารพิเศษที่หมอผีจัดหามาให้ มันมีลมหายใจคล้ายคน มันต้องขับถ่าย มันพูดได้ แต่ส่วนมาไม่ได้พูดภาษาคน และมันสามารถได้ยินเสียงหรือรับรู้คำสั่งของหมอผีได้แสดงว่ามันมีชีวิต แต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปราศจากความทรงจำใด ๆ ทั้งสิ้น มันไม่รู้จักชีวิตของตัวมันเอง มันไม่มีความรำลึกของอดีตใด ๆ เกี่ยวกับตัวมันเอง มันไม่เคยเข้าใจสภาพ หรือสถานภาพใด ๆ เกี่ยวกับตัวมันเอง มันไม่รู้จักความเจ็บปวดหรือความกลัว..พูดง่าย ๆ ซอมบี้ เป็นเสมือนหุ่นยนต์ที่มีเลือดเนื้อ เหมือนเครื่องจักรชีวอย่างไงอย่างนั้นนั่นเอง

ชนเผ่าชาไฮติแทบทุกคน รู้จักความชั่วร้ายแห่งไสยดำวูดูเป็นอย่างดี และพวกเขาก็รู้จักซอมบี้ว่ามันมีจริง มันเป็นศพคืนชีพ ทาสรับใช้ของหมอผีหรือผู้มีอำนาจทางไสยดำวูดู พวกชาวบ้านธรรมดาจะสามารถแยกซอมบี้ออกจากหมู่คนธรรมดาได้ทันทีที่ได้เห็น

กล่าว กันว่า พวกซอมบี้มักจะมีท่าทางการเดินเหินไม่เหมือนคนธรรมดา การเดินของซอมบี้จะโยกเยกตัวไปมามากกว่าคนธรรมดา คล้ายกับว่ามันเป็นเครื่องจักรกลที่เดินได้ มันมีสายตาที่เหม่อลอย ดวงตา ที่ปราศจากแวดของชีวิต และยังกล่าวกันว่า ซอมบี้มีเสียงหายใจที่ดัง และมีจังหวะการสูดลมหายใจเข้าออกข้าเร็วต่างกับคนธรรมดา

ชาวบ้านธรรม ดาในไฮติโดยทั่วไปไม่มีใครกลัวซอมบี้ เพราะไม่เคยปรากฏว่า ซอมบี้ทำอันตรายได้เลย แต่ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งเกี่ยวข้องกับซอมบี้ ถ้าเผอิญ ไปเจอมันเข้า สิ่งที่พวกเข้าทุกคนกลัวที่สุดไม่ใช่ซอมบี้ แต่พวกเขากลัวเป็นซอมบี้ กลัวว่าญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงคนที่รู้จัก และตัวเองเมื่อตายไปแล้วจะกลายเป็นซอมบี้ พวกเขาไม่กล้ารับหน้าหรือให้การต้อนรับซอมบี้ผู้มาเยือน ไม่ว่าซอมบี้นั้นจะเคยเป็นพ่อ แม่ พี่น้อง หรือ ใครที่เคยรู้จักสนิทสนมด้วยในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่

ในการทำพิธีฝังศพญาติพี่น้องของตน ชาวไฮติมีพิธีกรรมที่เรียกว่า "ทำให้ตายครั้งที่สอง" เพื่อป้องกันมิให้ศพกลับลุกขึ้นมาเป็นซอมบี้

แม้ แต่คนที่ยากจนไม่มีเงินจะทำพิธีศพญาติของตน ยังต้องไปนำก้อนหินขนาดใหญ่ ๆ มาทับหลุมฝังศพเพื่อป้องกันมิให้ศพญาติที่ฝังไว้ลุกกลับขึ้นมา

บาง ครั้งญาติผู้ตายต้องผลัดกันนั่งเฝ้าอยู่ปากหลุมศพ เฝ้ากัน 24 ชั่วโมง ทั้งวันทั้งคืนไม่ให้คลาดสายตา เป็นเวลานับเดือน ๆ จนกว่าจะแน่ใจว่าศพในหลุมที่ฝังไว้นั้นเน่าสลายไปหมดแล้ว เพราะกลัวว่าศพอาจคืนชีพเป็นซอมบี้กลับขึ้นมาใหม่นั่นเอง

ในพิธีฝังศพ ของผู้มีเงินหน่อย จะต้องนำสิ่งของต่าง ๆ เช่นลูกปัดหินหลากสี ด้ายสีต่าง ๆ หลายหลอด พร้อมกับเข็มเย็บผ้าหลายโหล และเมล็ดพืชเล็ก ๆ บางชนิดอีกหลายร้อยหลายพันเม็ดใส่ไว้ในโลงศพของผู้ตายด้วย สิ่งของต่าง ๆ ดังกล่าวจะต้องผ่านพิธีการปลุกเสกลงของเสียก่อนโดยผู้ทรงคุณทางไสยขาว (white magic ) วิชาลึกลับใช้เวทมนต์ในทางที่ดีทำเครื่องรางของขลังป้องกันภัยอันตรายหรือ ปลุกเสกเมตรามหานิยมฯลฯก่อนการปิดปากโลงศพ และฝังกลบไว้ในป่าช้า เชื่อกันว่า ถ้าศพคืนชีพขึ้นมามันจะไม่ลุกออกมาจากโลง เพราะมัวแต่เล่นสิ่งของเหล่านั้นจนเพลินนั้นเอง



บางครั้งมีการใส่มีด ที่ลงของลงคาถาไว้ในโลงด้วยหลายเล่ม เพื่อว่าศพคืนชีพเกิดเซ็งขึ้นมาเพราะออกจากโลงไม่ได้ จะได้ฆ่าตัวตายเป็นครั้งที่สอง นอนตายอย่างสงบอยู่ในโลงนั้น พิธีกรรมที่หนักข้อขึ้นไปอีกก็ยังมี กล่าวคือ ก่อนปิดฝาโลง จะจัดการตัดคอศพแยกใส่***บฝังต่างหาก หรือไม่ก็เอหมุดลงคาถาตอกหน้าอกฝังไว้กับโลงเพื่อป้องกันศพคืนชีพเป็นซอมบี้ พวกไฮติไม่นิยมการเผาศพ แต่ก็มีการเผาศพอยู่เหมือนกัน เชื่อว่าการเผาศพมิได้ช่วยป้องกันซอมบี้แต่อย่างใด เพราะมีเรื่องเล่ากันว่า คนตายที่ถูกเผาไปแล้ว บางทียังกลายเป็นซอมบี้ได้ ขณะกำลังเผา ๆ อยู่ดันลุกพรวดพราดออกมาจากโลงก็มี ไอ้ตัวซอมบี้แบบนี้น่ากลัวน่าสยดสยองกว่าซอมบี้ธรรมดา ร่างกายมันดำไหม้เฟอะ เป็นศพพิการแต่ยังเดินได้



พวกหมอผีวูดู หรือ พวกจอมคาถาอาคมแห่งวูดู บางคนมีลูกสมุน- ซอมบี้ เป็นกองทัพเลยก็มี นับว่าเป็นทาสผีดิบที่สัตย์ซื่อมาก เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับซอมบี้มีปรากฏอยู่ในบันทึกของชาวตะวันตกที่เดินทางไปอยู่ในแถบไฮติ นับตั้งแต่สมัย ล่าอาณานิคมโน้น วิลเลียม ซีบรุ๊ก ผู้จัดการ ฝ่ายผลิตและส่งออกของบริษัท ผลิตน้ำตาลจากอ้อย (Hailian American Sugar Corporation" เคยเขียนบันทึกไว้ว่า


"..มีพวกกรรมกรไร่อ้อยหลาย ร้อยคนเป็นคนงานอยู่ในความดูแลของหมอผีวูดู ซึ่งทำหน้าที่คุมคนงานและจัดหาคนงานมาเข้าทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหมือนมนุษย์จักรกล.. มีอยู่หลายสิบคนที่มีพวกญาติพี่น้องมาขอตัวกลับเพื่อนำไปฆ่าให้ตายเป็นครั้ง ที่สอง .. ทำให้เกิดปัญหามาก เพราะพวกญาติพี่น้องมาพบว่า คนงานบางคนเป็นญาติหรือ คนที่เข่ารู้จักดีซึ่งตายไปแล้ว และกลายเป็นซอมบี้อยู่ในอาณัติคาถาของหมอผีวูดู ใช่ให้มาทำงานเป็นทาสอยู่ในไร่อ้อย…"



ซอมบี้คือศพเดินได้จริงหรือ !?


ถ้า เราสังเกตพวกซอมบี้ จะพบว่า พวกซอมบี้มักจะมีท่าทางการเดินเหินไม่เหมือนคนธรรมดา การเดินของซอมบี้จะโยกเยกตัวไปมามากกว่าคนธรรมดา คล้ายกับว่ามันเป็นเครื่องจักรกลที่เดินได้ มันมีสายตาที่เหม่อลอย ดวงตา ที่ปราศจากแวดของชีวิต และยังกล่าวกันว่า ซอมบี้มีเสียงหายใจที่ดัง และมีจังหวะการสูดลมหายใจเข้าออกข้าเร็วต่างกับคนธรรมดา และสูญเสียความทรงจำ



ซอมบี้ (zombie) เป็นคำเรียกในการปลุกชีพของผู้ที่ตายไปแล้วนั้น เกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งความเชื่อนี้ถูกสร้างขึ้นมาในชนเผ่ามายา ด้วยการทำนำยาพิเศษจากสมุนไพรจำนวนมากพร้อมมนต์ดำ ในการทำให้ซากศพเดินเหินเช่นคนปกติได้

ในภาพยนตร์และเกม ซอมบี้เป็นปิศาจเดินได้ มีลักษณะการเคลื่อนที่ช้า โดยแบ่งประเภทย่อยเป็น สิ่งมีชีวิตที่ตายไปแล้ว หรือ สิ่งที่ถูกดัดแปลง เป็นรูปแบบเฉพราะสามารถจัดการได้ด้วยการตัดศีรษะเพราะเชื่อว่าสมองยังคงทำ งานอยู่แต่ไม่สมบูรณ์นัก



ซอมบี้ที่ตายไปแล้วเป็นซอมบี้ที่เกิดจากเวทมนตร์ดำ มักจะไม่ทำร้ายผู้คน เว้นแต่ จะเป็นซอมบี้ที่ถูกปลุกจาก พวกหมอผีหรื่อ พวกลัทธินอกรีต มักจะมีนิสัยดุร้าย ชอบกินพวกซากคนตายตามสุสาน ซากสัตว์ต่างๆ หรือแม้แต่คนเป็นก็ย่อมได้ ซอบี้พวกนี้ มีลักษณะผอมโซ เคลื่อนที่ช้า แต่ บางพวก เช่น ซอมบี้ที่มีชื่อว่า นาคเซเร่อร์ (Nachzehrer) จะมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว

ซอมบี้ที่ถูกดัดแปลงเป็นซอมบี้ที่เกิดจาก พวก นักวิทยาศาสตร์ที่ ทดลองเกี่ยวกับชีวเคมี ส่วนใหญ่คือ พวกแฟรงเก้นสไตน์ นั่นเอง แต่ที่ปรากฏในเกม หรือ ภาพยนตร์ มักจะเป็นซอมบี้ที่เกิดจากการทดลองไวรัสปรสิต มีการเคลื่อนไหว่ เชื้องช้า(เพราะ เป็นคนที่ตายไปแล้ว เลือดจะแข็งตัว ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก)เมื่อใดที่ซอมบี้พวกนี้ กัด หรือ ข่วน มนุษย์ ในไม่ช้า คนๆนั้นก้จะกลายเป็น ซอมบี้เช่นเดียวกัน ซอมบี้พวกนี้ลักษณะเป็นคนหน้าซีด ตาขาว มีฟันที่ไม่ตรงกัน และมีฟันที่เหลือง มีเลือดชุ่มตัว น่าสยดสยอง มีจุดอ่อนที่หัว เพราะซอมบี้พวกนี้ มักถูกไวรัสควบคุมที่สมอง ถ้าใช้อาวุธคม๐ พวกขวาน หรือ ดาบ ฟันเข้า จะหยุดการทำงานของซอมบี้ ส่วนภาพยนตร์ที่โด่งดังที่ทุกคนรู้จักซอมบี้ในทุก ๆ แห่ง คงหนีไม่พ้น หนังเรื่อง Resident Evil (ผีชีวะ) ทั้ง 3 ภาค ซึ่งดัดแปลงมาจากเกม Resident Evil มาทำเป็นภาพยนตร์ นั่นเอง



แล้วในเลโก้ละซอมบี้เหล่านี้จะเข้าไปในใจคอเลโก้ได้จริงรึป่าวหรือเขาเป็นเพียงตัวประกอบเท่านั้น
อันนี้รูปแถมถ้านางพยาบาลก่อนหน้านี้โดนกลายเป็นซอมบี้ละ




เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 6 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Zombie
2.ตัวของ Minifig ของ Zombie
3.ส่วนขา Minifig ของ Zombie
4.น่องไก่
5.จอบสีดำ
6.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ



ด้านหน้า


ด้านหลัง


ด้านข้าง






ออฟไลน์ danoob

  • Verified Member
  • Jr. Member
  • *
  • กระทู้: 225
    • www.muangthongpet.com
Re: 8683 Minifigure Serie 1
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 13 มกราคม 2015 / 10:19:26 PM »
12.Skater

สเก็ตบอร์ด Sk8 ย่อมากจาก Skate ครับ แล้วเลข 8 ตามท้ายคือ เป็นคำแสลงที่ออกเสียงรวมกับ เอสกับเค ตามคำอ่านอังกฤษ 8 ออกเสียง เอจท…แล้วเอามาออกเสียงรวมกันเป็น skate ซึ่งวัยรุ่นต่างประเทศนิยมใช่เขียนกัน



สเกตบอร์ด คืออุปกรณ์ 4 ล้อ ที่มีแผ่นกระดานให้ยืนได้และมีลูกล้อที่แข็งแรงรองรับอยู่ สเกตบอร์ดเป็นอุปกรณ์ลื่นไหล สำหรับการเล่นกีฬาสเกตบอร์ด เคลื่อนที่ได้โดยการผลักด้วยเท้าขณะที่เท้าอีกข้างควบคุมบอร์ดไว้ หรือการดีดขึ้นบนราว หรือทางครึ่งวงกลม หรือสามารถนั่งบนสเกตบอร์ดได้ขณะเคลื่อนที่บนทางลาดให้แรงโน้มถ่วงขับ เคลื่อนบอร์ดไป

ที่มาของสเกตบอร์ดไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้คิดค้น แต่น่าจะเกิดในช่วงทศวรรษที่ 40-50 โดยสันนิษฐานว่าเป็นการประยุกต์จากรถ soapbox และอีกข้อสันนิษฐานนึงคิดว่าประยุกต์มาจากโรลเลอร์สเกต สเกตบอร์ดพัฒนาจนมีการผลิตโมเดลขึ้นในทศวรรษที่ 60 โดยสเกตบอร์ดในสมัยก่อนจะมีรูปร่างแบบเซิร์ฟบอร์ด ไม่ค่อยมีส่วนเว้ามากและทำจากไม้ทึบ พลาสติก หรือ แม้แต่โลหะ ส่วนล้อมักทำจากส่วนประกอบจากดิน หรือ เหล็ก ในปี 1973 ได้มีการใช้วงล้อยูรีเทนในการกีฬา ซึ่งทำให้มีความปลอดภัยและคล่องตัวกว่า สเกตบอร์ดมีขนาดกว้างมากขึ้น จาก ระยะ 16 ซม.เป็นกว่า 23 ซม.เพื่อให้ความมั่นคงที่ดีกว่า ในการเล่น Vert

ส่วนประกอบของสเกตบอร์ดประกอบด้วย Deck,Truck,ล้อ,ball bearings และอื่น ๆ
ในช่วงทศวรรษที่ 80 กีฬาสเกตบอร์ดได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายการแข่งขันสเกตบอร์ดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เวิร์ต (Vert) เป็นการเล่นตามแลมป์ใหญ่ ๆ และ อีกประเภทคือแบบผาดโผน จะเป็นแนวแบบสตรีท คือแสดงโชว์ท่าทางกระโดดข้ามและผ่านสิ่งกีดขวาง ในขณะเดียวกัน ยังต้องแสดงท่าทางต่างๆ เช่น ท่า five-o-grinds , ท่า 360's ,ท่า fifty-fifty และอีกหลายให้เข้าตากรรมการชม



ประวัติ
เริ่มจากแถบแคลิฟอร์เนีย นักเล่นเซิร์ฟได้ลองใช้ถนนที่เป็นลอน แทนคลื่นในทะเลในยามไม่มีคลื่น ตั้งแต่ 1950 กีฬาชนิดนี้เป็นกีฬาแท้ๆ ที่นิยมกันมากของชาวอเมริกา แต่เมื่ออินไลน์สเกตและ BMX เป็นที่นิยมในช่วงสั้น ๆ ช่วงปลายทศวรรษที่ 50 ดนตรีและภาพยนตร์เกี่ยวกับสเกตบอร์ดเป็นตัวปลุกกระแสการออกแบบเครื่องเล่น ให้เหมือนเ
ซิร์ฟบอร์ดและมีการผลิตเพื่อการค้าครั้งแรกโดยโรลเลอร์ เดอร์บี้ จำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าในปี 1959

ว่ากันว่ากีฬาที่เกิดจากอุบัติเหตุเมื่อคันบังคับของรถสกูตเตอร์หักและเหลือแค่เพียง
พื้นติดล้อเท่านั้น ในช่วง 10 ปี ของ ค.ศ. 1960 การเล่นสเกตบอร์ดถูกห้ามเล่นในหลายๆแห่ง จนกลายเป็นกีฬาใต้ดิน

ปี 1960 ได้มีการตีพิมพ์นิตยสารเกี่ยวกับการเล่นสเก็ตฉบับแรกขึ้น รวมทั้งมีการผลิตสเก็ตบอร์ดขึ้นมา ต่อมาในปี 1963 ผู้ผลิตสเกตบอร์ดมากาฮาได้จัดตั้งทีมสเก็ตบอร์ดเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของตน และได้จัดการแข่งขันสเกตบอร์ดอย่างเป็นทางการครั้งแรกได้รับความอุปถัมภ์จาก มากาฮาใน
แคลิฟอร์เนีย

ในปี 1973 ได้มีการใช้วงล้อยูรีเทนในการกีฬา ซึ่งทำให้มีความปลอดภัยและคล่องตัวกว่า สเก็ตบอร์ดมีขนาดกว้างมากขึ้น จาก ระยะ 16 ซม.เป็นกว่า 23 ซม.เพื่อให้ความมั่นคงที่ดีกว่า ในการเล่น Vert

การเล่นสเกตบอร์ด สมัยใหม่เกิดขึ้นโดยมีการเล่นแบบต่างๆ เช่น Slalom,ดาวน์ฮิลล์,ฟรีสไตล์ วัฒนธรรมการเล่นสเก็ตบอร์ดเริ่มรวมตัวเข้ากับพวกพังค์ และดนตรีแบบใหม่ อาร์ตเวิร์คและกราฟิกเริ่มมีบทบาทมากในวัฒนธรรมการเล่นสเกตบอร์ด

จน ช่วงปลายปี 1970 ลานสเกตบางแห่งหายไปอันเนื่องจากธุรกิจตกต่ำ การเล่นสเก็ตบอร์ดก็เริ่มตกต่ำอีกเป็นครั้งที่สอง จนการเล่นสเกตบอร์ดก็หายจากวงการ การขี่จักรยานBMX เข้ามาเป็นที่นิยมและนักสเกตส่วนมากก็หยุดเล่นสเก็ตลานสเก็ตก็สูญหายไปแต่มี การสร้าง
ฮาฟว์ไปป์ และแรมป์ยังคงพัฒนาต่อไปอย่างเงียบๆ ด้วยนักขี่จักรยาน BMX

มี การฟื้นฟูการเล่นสเกตบอร์ดโดยใช้แรมป์ที่เป็นไม้อัด ในปี 1980 และการเล่นตามท้องถนนจึงก่อให้เกิดความพยายามในการเล่นด้วยตนเอง นักสเกตเริ่มที่จะสร้างแรมป์สำหรับสเกตที่ทำด้วยไม้เอง บริษัทที่เป็นของนักสเกตเริ่มสร้างอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีมาตรฐานกว่าเดิม เพื่อใช้เล่นท่าให้ได้ดีขึ้น มีนักสเกตเป็นที่รู้จักอย่างโทนี ฮอว์คและสตีฟ แคบเบลเลอโร มีการจัดการแข่งขันโดย The National Skateboarding Association การเล่นสเกตบอร์ด ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อวัฒนธรรมระหว่างประเทศเริ่มจากดนตรีพังก์ร็อก



ท่าในสเกตบอร์ด

ท่า Kickflipด้วยการพัฒนาของลานสเกตและทางลาด ตัวสเกตบอร์ดก็เริ่มจะมีการเปลี่ยนแปลง ในช่วงแรกท่าในการเล่นจะมีลักษณะเป็นสองมิติอย่างการแล่นด้วยสองล้อ การดีดขึ้นในช่วงสองล้อหลัง เรียกว่า "พิว็อต" การกระโดดข้ามราวและลงมาที่บอร์ดอีกครั้ง การกระโดดในระยะยาว (เช่นถังน้ำ) หรือสลาลม

ในปี 1976 การเล่นสเกตบอร์ดเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงโดยมีการคิดค้น "ออลลี่" โดย อลัน ออลลี่ เกลแฟนด์ ซึ่งเป็นท่าที่ได้รับความนิยมในฟลอริดาในช่วงปี 1978 หลังจากที่เขาไปแคลิฟอร์เนียก่อนหน้านั้น ท่าของเกลแฟนด์เริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มนักเล่นสเกตในแถบเวสต์โคสต์ ของอเมริกา และมีสื่อมวลชนได้กระจาย เผยแพร่ไปอีกจนได้รับความนิยมทั่วโลก

ออ ลลี่ ได้ถูกดัดแปลงท่าในการลงพื้นโดย ร็อดนีย์ มัลเลน ในปี 1982 โดยมัลเลนได้คิดท่า "คิกฟลิป" โดยในช่วงนั้นมีชื่อว่า "แมจิกฟลิป" และจากการคิดค้นท่านี้เองทำให้นักสเกตบอร์ดสามารถเล่นสเกตได้โดยไม่ต้องใช้ อุปกรณ์อื่นนอกเหนือจากตัวสเกตบอร์ดอย่างเดียว และได้พัฒนาสู่ท่าการเล่นอื่นตามมา



เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 6 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Skater
2.ตัวของ Minifig ของ Skater
3.ส่วนขา Minifig ของ Skater
4.ผมสีดำ
5.บอร์ดสีน้ำเงิน
6.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ


ด้านหน้า


ด้านหลัง


ด้านข้าง





ออฟไลน์ danoob

  • Verified Member
  • Jr. Member
  • *
  • กระทู้: 225
    • www.muangthongpet.com
Re: 8683 Minifigure Serie 1
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 13 มกราคม 2015 / 10:19:44 PM »
13.Tribal Hunter








เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 8 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Tribal Hunter
2.ตัวของ Minifig ของ Tribal Hunter
3.ส่วนขา Minifig ของ Tribal Hunter
4.ผมสีดำเปียคู่
5.ธนูสีน้ำตาล
6.ซองใส่ลูกธนู
7.ขนนกปักบนผม x 2
8.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ


ด้านหน้า


ด้านหลัง


ด้านข้าง



14.Wrestler-นักมวยปล้ำ



มวยปล้ำเป็นกีฬาที่เป็นที่นิยมเสมอมาตั้งแต่มีการบันทึกในประวัติศาสตร์ จุดกำเนิดของกีฬามวยปล้ำเกิดขึ้นเมื่อ 15,000 ปีในบริเวณที่ตั้งของประเทศฝรั่งเศส โดยมีหลักฐานเป็นรูปภาพเกี่ยวกับมวยปล้ำในถ้ำแห่งหนึ่ง ชาวบาบิโลนและชาวอียิปต์ได้เผยแพร่การแสดงของนักมวยปล้ำโดยการปล้ำและการเข้าล็อกซึ่งเป็นที่รู้จักกันในปัจจุบัน ในยุคกรีกโบราณมวย ปล้ำมีหลักฐานอย่างเด่นชัดผ่านทางตำนานและเรื่องเล่าต่าง ๆ เช่น การแข่งขันมวยปล้ำ และแง่มุมต่าง ๆ ในรูปแบบที่โหดร้าย ปัจจุบันมวยปล้ำถูกบรรจุเป็นหนึ่งในกีฬาโอลิมปิก



ช่วงสมัยของโรมันโบราณได้ มีการหยิบยืมศิลปะมวยปล้ำเข้ามาจากกรีกแต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นวิธีการ ต่อสู้ที่ดุเดือดมากกว่า และในช่วงยุคกลางหรือที่เราเรียกว่าศตวรรษที่15 มวยปล้ำยังคงมีความนิยมที่แพร่หลายและเป็นสิ่งบันเทิงในหมู่ผู้สูงศักดิ์และ ครอบครัวของเชื้อพระวงศ์ซึ่งรวมถึงในประเทศฝรั่งเศส ประเทศญี่ปุ่น และประเทศอังกฤษ ชาวอเมริกันในช่วงเริ่มแรกได้นำวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งของมวยปล้ำเข้ามาหลัง จากที่มวยปล้ำได้มีการเผยแพร่ในประเทศอังกฤษแล้ว และพบว่าชาวอเมริกันดั้งเดิมก็ชื่นชอบมวยปล้ำเป็นอย่างมาก มวยปล้ำสมัครเล่นรุ่งโรจน์ในช่วงต้นที่สหรัฐอเมริกาและเป็นกิจกรรมที่นิยมในช่วงงานรื่นเริง งานเลี้ยงฉลองวันหยุด และกีฬาของกองทัพ



มวยปล้ำอาชีพ (professional wrestling) โดยทั่วไปหมายถึง รูปแบบหนึ่งของศาสตร์กีฬามวยปล้ำที่นักมวยปล้ำได้รับค่าตอบแทน ที่ความหมายในปัจจุบันอ้างอิงไปถึง มวยปล้ำที่มีการจัดผลการปล้ำไว้ล่วงหน้า มวยปล้ำอาชีพสมัยใหม่โดยส่วนใหญ่ จะมีการโจมตีประเภทต่อยเตะและอื่นๆที่ไม่มีในศาสตร์มวยปล้ำดั้งเดิม

มวยปล้ำอาชีพสมัยใหม่ถือเป็นการแสดงชนิดหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นการแสดงศิลปะการต่อสู้เพื่อความบันเทิง ที่แสดงความแข็งแกร่ง ท่าทาง และท่ากายกรรมต่างๆ ในแบบของกีฬาต่อสู้ โดยระดับความสมจริงจะแตกต่างกัน ตั้งแต่แบบอเมริกัน ที่เน้นความสมจริงปานกลางและเสริมด้วยการแสดงอื่นๆ, แบบญี่ปุ่น ที่เน้นความสมจริงอย่างมาก, ไปจนถึงแบบเม็กซิกัน ที่เน้นท่ากายกรรมอย่างมาก



เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 5 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Wrestler
2.ตัวของ Minifig ของ Wrestler
3.ส่วนขา Minifig ของ Wrestler
4.ผ้าคุลมสีแดง
5.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ


ด้านหน้า


ด้านหลัง


ด้านข้าง



15.Robot
ความหมายของ "หุ่นยนต์" โดยสถาบันหุ่นยนต์อเมริกา (The Robotics Institute of America) ได้ให้ความหมายไว้ ดังนี้

        "หุ่นยนต์ คือเครื่องจักรใช้งานแทนมนุษย์ ที่ออกแบบให้สามารถตั้งลำดับการทำงาน การใช้งานได้หลากหลายหน้าที่ ใช้เคลื่อนย้ายวัสดุอุปกรณ์ ส่วนประกอบต่าง ๆ เครื่องมือหรืออุปกรณ์พิเศษ ตลอดจนการเคลื่อนที่ได้หลากหลาย ตามที่ตั้งลำดับการทำงาน เพื่อสำหรับใช้ในงานหลากหลายประเภท" (A robot reprogrammable, multifunctional manipulator designed to move materials, parts, tools or specialized devices through various programmed motions for the performance of a variety of tasks.) [3]

นิยามดังกล่าว อิกนัยหนึ่งก็คือ เครื่องจักรกลทุกชนิดที่สามารถปฏิบัติงานแทนมนุษย์ได้ทุกประเภท ทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งในงานที่เสี่ยงอันตรายโดยที่มนุษย์ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ตลอดจนการทำงานที่เป็นอัตโนมัติโดยตนเองหรือถูกควบคุมโดยมนุษย์ และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานได้หลากหลาย

อย่างไรก็ตาม "หุ่นยนต์คืออะไร" ยังคงเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบแบบแน่นอนตายตัว นักวิชาการหุ่นยนต์แต่ละคนอาจมีนิยามของหุ่นยนต์ที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ศาสตราจารย์ George A. Bekey แห่งมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ได้ให้นิยามหุ่นยนต์ว่าเป็น "เครื่องจักรที่สามารถ รับรู้ คิด และกระทำ" (A machine that senses, thinks, and acts) [4] ซึ่งหุ่นยนต์ในความหมายนึ้เป็นหุ่นยนต์ที่เรียกว่าหุ่นยนต์อัตโนมัติ (Autonomous robot)



หุ่นยนต์ หรือ โรบอต (robot) คือเครื่องจักรกลชนิดหนึ่ง มีลักษณะโครงสร้างและรูปร่างแตกต่างกัน หุ่นยนต์ในแต่ละประเภทจะมีหน้าที่การทำงานในด้านต่าง ๆ ตามการควบคุมโดยตรงของมนุษย์ การควบคุมระบบต่าง ๆ ในการสั่งงานระหว่างหุ่นยนต์และมนุษย์ สามารถทำได้โดยทางอ้อมและอัตโนมัติ โดยทั่วไปหุ่นยนต์ถูกสร้างขึ้นเพื่อสำหรับงานที่มีความยากลำบากเช่น งานสำรวจในพื้นที่บริเวณแคบหรืองานสำรวจดวงจันทร์ดาวเคราะห์ที่ ไม่มีสิ่งมีชีวิต ปัจจุบันเทคโนโลยีของหุ่นยนต์เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านอุตสาหกรรมการผลิต แตกต่างจากเมื่อก่อนที่หุ่นยนต์มักถูกนำไปใช้ ในงานอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันมีการนำหุ่นยนต์มาใช้งานมากขึ้น เช่น หุ่นยนต์ที่ใช้ในทางการแพทย์ หุ่นยนต์สำหรับงานสำรวจ หุ่นยนต์ที่ใช้งานในอวกาศ หรือแม้แต่หุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องเล่นของมนุษย์ จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาให้หุ่นยนต์นั้นมีลักษณะที่คล้ายมนุษย์ เพื่อให้อาศัยอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ ให้ได้ในชีวิตประจำวัน

หุ่นยนต์ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามลักษณะการใช้งาน คือ 1.หุ่นยนต์ชนิดที่ติดตั้งอยู่กับที่ (fixed robot) เป็นหุ่นยนต์ที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้ด้วยตัวเอง มีลักษณะเป็นแขนกล สามารถขยับและเคลื่อนไหวได้เฉพาะแต่ละข้อต่อ ภายในตัวเองเท่านั้น มักนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เช่นโรงงานประกอบรถยนต์ 2. หุ่นยนต์ชนิดที่เคลื่อนที่ได้ (mobile robot) หุ่นยนต์ประเภทนี้จะแตกต่างจากหุ่นยนต์ที่ติดตั้งอยู่กับที่ เพราะสามารเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเอง โดยการใช้ล้อหรือการใช้ขา ซึ่งหุ่นยนต์ประเภทนี้ปัจจุบันยังเป็นงานวิจัยที่ทำการศึกษาอยู่ภายในห้องทดลอง เพื่อพัฒนาออกมาใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ เช่นหุ่นยนต์สำรวจดาวอังคาร ขององค์การนาซ่า



ปัจจุบันมีการพัฒนาหุ่นยนต์ให้มีลักษณะเป็นสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัข เพื่อให้มาเป็นเพื่อนเล่นกับมนุษย์ เช่น หุ่นยนต์ IBO ของบริษัทโซนี่ หรือแม้กระทั่งมีการพัฒนาหุ่นยนต์ให้สามารถเคลื่อนที่แบบสองขาได้อย่าง มนุษย์ เพื่ออนาคตจะสามารถนำไปใช้ในงานที่มีความเสี่ยงต่ออันตรายแทนมนุษย์ ในประเทศไทย สถานศึกษาในระดับอุดมศึกษาหลายแห่งหรือองค์กรของภาครัฐ และเอกชน ได้เล็งเห็นถึงประโยนช์ของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ และร่วมเป็นแรงผลักดันให้เยาว์ชนในชาติ พัฒนาองค์ความรู้ เพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีของ ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยการจัดให้มีการแข่งขันหุ่นยนต์ขึ้นในประเทศไทยหลายรายการ เพื่อให้นักศึกษาได้สามารถ นำความรู้ที่เรียนมาประยุกต์ใช้งานได้ เป็นการเสริมสร้างและพัฒนาทักษะ เพื่อนำความรู้ไปพัฒนาประเทศในอนาคต



ปล.ปัจจุบันหุ่นยนต์มีการพัฒนาอย่างมากจนมีหน้าตาแบบนี้



เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 6 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Robot
2.ตัวของ Minifig ของ Robot
3.ส่วนขา Minifig ของ Robot
4.หมวกหุ่นยนต์
5.แขนรูปไขควง x 2
6.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ


ด้านหน้า


ด้านหลัง


ด้านข้าง



16.Clown

ตลก อ่านว่า ตะหลก

ตลกความหมาย การกระทําให้คนอื่นขบขันด้วยคําพูดหรือกิริยาท่าทาง

โดยปริยายหมายความว่า แกล้งทําให้คนอื่นเข้าใจผิด เช่น เล่นตลก ขบขัน ที่ทําให้คนอื่น ขบขัน ด้วยคําพูดหรือกิริยาท่าทาง เป็นต้น เช่น หนังตลก, เรียกผู้ที่ทําให้คนอื่นขบขันว่า ตัวตลก, เรียกเรื่องที่ทําให้ขบขันหรือเข้าใจผิดว่า เรื่องตลก. เรื่องตลก โฆษณาตลก กลอนตลก คลิปตลก ภาพตลก การ์ตูนตลก ตลกกิน



ความตลก เกิดจาก อะไร
ทฤษฎีทางปรัชญาโบราณ แพร่หลายมากระทั่งถึงช่วงยุคกลางของยุโรป เชื่อว่า มีของเหลวอยู่สี่ชนิดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของคนเรา และถูกวิเคราะห์ว่า ของเหลวสี่ชนิดนี้ มีส่วนในการกำหนดอารมณ์ความรู้สึก นึกคิด และลักษณะท่าทีของคนเรา อันได้แก่ อารมณ์ดีหรือ ตลก ขบขัน มาจากเลือดแดง ความเฉื่อยชา และ อารมณ์ฉุนเฉียวโกธรง่าย มาจากน้ำเหลือง และความรู้สึกหดหู่ซึมเศร้ามาจากเลือดดำ
การผสมกันปรวนแปรของของเหลวเหล่านี้ โดยของเหลวหนึ่งในสี่ชนิดใดก็ตามที่มาครอบงำของเหลวชนิดอื่นๆ จะมีส่วนกำหนดคนขึ้นมาให้มีลักษณะที่ผิดแผก แตกต่างกัน และยังมีส่วนใน การกำหนดคุณลักษณะต่างๆ ของคน ให้มีอารมณ์ ความรู้สึก คุณภาพทางด้านร่างกายและจิตใจ ความโน้มเอียงต่างๆของคน ตามมา ทำให้คนเรา เป็นคนที่มีอารมณ์และบุคลิกผิดแผกแตกต่างกันไป เช่น เป็นคนร่าเริง หรือเป็นคนที่เฉื่อยชา อารมณ์ฉุนเฉียวง่าย หรือเป็นคนที่อารมณ์หดหู่ เป็นประจำ คุณลักษณะพวกนี้ได้มีส่วนกำหนดบุคลิกภาพของแต่ละคน
คนที่ฉุนเฉียวง่าย จะเป็นคนที่ขี้มักโกรธ หรืออารมณ์บูดอยู่บ่อยๆ ใบหน้าจะออกเหลือง รูปร่างผอม ผมดก มีความภาคภูมิใจในตนเอง มีความทะเยอทะยาน มีจิตใจผูกพยาบาทและต้องการแก้แค้น แต่เป็นคนที่หลักแหลม
คนที่มีอารมณ์ขัน หรือเป็นคน ตลก ขบขัน ใบหน้าจะมีสีเลือดฝาดแดง เนื่องจากมีการไหลเวียนของเลือดแดงเป็นจำนวนมาก บริเวณใบหน้า การที่มีเลือดแดงเป็นจำนวนมาก ส่งผลดีต่ออวัยวะใกล้เคียง เช่นสมอง ทำให้ความจำดี ไม่เเป็นโรคความจำเสื่อม



ทฤษฎี เรื่องตลก  เรื่องตลกคือสิ่งที่ทำให้เราหัวเราะออกมาได้ โดย Dr. Richard F. Taflinger Dr. Richard ได้ทำการศึกษาถึงพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องตลกที่จะทำให้คนหัวเราะออกมา และได้สรุปออกมาเป็นข้อ เรียกว่า แก่นแท้ของเรื่องตลก 6 ประการ สำหรับการทำให้บางสิ่งเป็นเรื่องที่ตลกขบขัน

ทฤษฎีตลกข้อที่ 1 ใช้ความคิดสติปัญญามากกว่าอารมณ์

ทฤษฎีตลกข้อที่ 2 เป็นเรื่องกลไกอัตโนมัติ

ทฤษฎีตลกข้อที่ 3 เป็นเรื่องของมนุษย์ที่มีมาแต่กำเนิด

ทฤษฎีตลกข้อที่ 4 ความไม่คาดฝันใน สิ่งที่เราคาดหวัง

ทฤษฎีตลกข้อที่ 5 ความไม่สอดคล้องหรือเหมาะสมกับกาละเทศะ

ทฤษฎีตลกข้อที่ 6 ไม่เป็นภัยอันตรายใดๆ หรือสร้างความเจ็บปวดต่อผู้มีส่วนร่วม



เปิดซองมาจะพบว่ามีชิ้นส่วนทั้งหมด 6 ชิ้นด้วยกันนะครับ
1.หัวของ Minifig ของ Clown
2.ตัวของ Minifig ของ Clown
3.ส่วนขา Minifig ของ Clown
4.ผมสีแดงทรง Alfo
5.แตร
6.ฐานรองสีดำ
ตามรูปเลยครับ


ด้านหน้า


ด้านหลัง


ด้านข้าง



หรือใครมีก็เอามาลงได้นะครับ
พอดี อ.เจ แนะนำมาเลยมาลงจองไว้ก่อนเผื่อไม่มีคนลงได้ต่อเนื่องกัน














ออฟไลน์ danoob

  • Verified Member
  • Jr. Member
  • *
  • กระทู้: 225
    • www.muangthongpet.com
Re: 8683 Minifigure Serie 1
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 13 มกราคม 2015 / 10:42:05 PM »