ฟาโรห์ (Pharaoh แปลว่า บ้านใหญ่) คือคำที่ใช้เรียกพระมหากษัตริย์แห่งอียิปต์ในสมัยอียิปต์โบราณ ซึ่งถือเสมอเหมือนพระเจ้าบนดิน
ชาว อียิปต์โบราณมีความเชื่อว่าฟาโรห์และพระราชโอรสและพระราชธิดาต่างเป็น เทพเจ้าหรือเทพีแห่งโลกทั้งสิ้นและถือว่าต่างเป็นคู่อภิเษกสมรสกัน พระราชโอรสที่ได้รับราชบัลลังก์ก็ทรงมีสิทธิที่จะเลือกอภิเษกสมรสกับพระเชษฐ ภคินี หรือพระกนิษฐาคนใดก็ได้ ในกรณีที่ไม่มีพระเชษฐภคินีหรือพระกนิษฐาร่วมพระครรภ์เดียวกันก็จะไม่มี สิทธิ์ขึ้นครองราชบัลลังก์ ส่วนพระราชธิดาที่พระราชบิดาทรงเลือกให้สืบราชสมบัติต่อไปก็ต้องทรงปฏิบัติ เช่นเดียวกัน
ชาวอียิปต์ตั้งถิ่นฐานแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ที่ อุดมสมบูรณ์ อารยธรรมอียิปต์โบราณที่เจริญรุ่งเรืองเริ่มขึ้นเมื่อราว 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช แบ่งการปกครองเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วงราชอาณาจักรเก่า ราชอาณาจักรกลาง และราชอาณาจักรใหม่ จากนั้นก็ถูกปกครองโดยชาวกรีก โรมันและอาหรับตามลำดับ
ราชอาณาจักรเก่า(ราว 2,700-2,200 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
ฟาโรห์องค์แรกของอียิปต์คือฟาโรห์เมเนสแห่งราชวงศ์ที่ 1 พระองค์ทรงรวบรวมดินแดนอียิปต์ตอนบนและตอนล่างให้เป็นประเทศเดียวกัน ฟาโรห์โจเซอร์แห่งราชวงศ์ที่ 3 เป็นฟาโรองค์แรกที่สร้างพีระมิดทรงขั้นบันได ส่วนฟาโรห์คูฟู คาเฟร และเมนเคอเรแห่งราชวงศ์ที่ 4 ได้ก่อสร้างพีระมิดแห่งเมืองกีซา
ราชอาณาจักรกลาง(ราว 2,030-1,640 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
ฟาโรห์เมนทูโฮเตปที่ 2 แห่งราชวงศ์ที่ 11 ได้รวบรวมดินแดนอียิปต์ตอนบนและตอนล่างอีกครั้ง ส่วนฟาโรห์เซนุสเรตที่ 3 แห่งราชวงศ์ที่ 12 ทำการลดอำนาจของบรรดาผู้สูงศักดิ์ รวบรวมอำนาจกลับมาที่ส่วนกลางอีกครั้ง
ราชอาณาจักรใหม่และยุคปลาย(ราว 1,550-332 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
ราชินีฮัตเชปซุตแห่งราชวงศ์ที่ 18 เป็นกษัตริย์องค์ที่ 5 ที่เป็นผู้หญิง พระองค์ทรงปฏิรูปการปกครอง การค้าขายและก่อสร้างวิหารขนาดมโหฬารที่เมืองลักซอร์ จากนั้นฟาโรห์เซติที่ 1 แห่งราชวงศ์ที่ 19 และฟาโรห์รามเสสที่ 2 พระโอรสของพระองค์ก็นำอียิปต์เข้าสู่ยุครุ่งเรืองที่สุด มีการก่อสร้างวิหารหลายแห่งได้แก่ ที่คาร์นัก ลักซอร์ และอานูซิมเบล
ยุคกรีก(ราว 332-30 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
หลังจากอเล็กซานเดอร์มหาราชรบชนะอียิปต์จึงมอบหมายให้ปโตเลมีปกครอง มีการก่อตั้งเมืองใหม่ขึ้น ชื่อเมืองอเล็กซานเดรีย ซึ่งภายหลังกลายเป็นแหล่งอารยธรรมกรีก
ยุคอาณาจักรโรมัน(ราว 30 ปีก่อนคริสต์ศักราช-ปี ค.ศ. 337)
เมือ่ 30 ปีก่อนคริสต์ศักราช กองทัพของออกทาเวียนสามารถขับไล่กองทัพของแม่ทัพมาร์ก แอนโทนีและคลีโอพัตรา ราชินีแห่งอียิปต์ได้เป็นผลสำเร็จ และนำอียิปต์รวมตัวเข้ากับอาณาจักรโรมัน พร้อมทั้งเผยแผ่ศาสนาคริสต์ให้กับอียิปต์
ยุคอิสลาม(ปีค.ศ. 640-1805)
กองทหารของเมืองดามัสคัสและเมืองแบกแดด สามารถบุกยึดและปกครองอียิปต์ไว้ในปีค.ศ. 640 ประชาชนจึงเปลี่ยนจากศาสนาคริสต์หันมานับถือศาสนาอิสราม รวมทั้งใช้ภาษาอาหรับ จนปีค.ศ. 1517 ได้รับการสนับสนุนจากจักรวรรดิออตโตมัน จึงกลายเป็นศูนย์กลางที่สำคัญแห่งหนึ่งของศาสนาอิสราม
การเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 19
ปีค.ศ. 1798 หลังจากนั้นนโปเลียนยึดอียิปต์ได้ อียิปต์จึงตกอยู่ภายไต้การปกครองของฝรั่งเศส จนกระทั่งปีค.ศ. 1801 จักรวรรดิออสมันส่งแม่ทัพมูฮัมหมัด อาลี มาขับไล่ฝรั่งเศส หลังจากการขุดคลองสุเอซและโครงการพัฒนาพื้นที่ของอียิปต์ ทำให้อียิปต์ต้องมีหนี้สอนมากมาย สุดท้ายถูกประเทศอังกฤษยึดครองในช่วงปีค.ศ. 1882-1956
ยุคใหม่ อียิปต์เป็นเอกราช
ปีค.ศ. 1952 อียิปต์ทำการปฏิวัติการปกครองจากอังกฤษและก่อตั้งเป็นประเทศสาธารณรัฐอาหรับ อียิปต์ในเวลาต่อมา สิ้นสุดการปกครองโดยอาณาจักรหรือประเทศต่างๆ หลังจากผ่านไปกว่า 2300 ปี
แผนที่อียิปต์
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/17/Ancient_Egypt_map-en.svgต้องการความรู้เพิ่มเติม
http://www.vcharkarn.com/vblog/37367/15ชิ้นส่วนทั้งหมด
ด้านหน้า
ด้านข้าง
แวมไพร์ ผีดูดเลือด เรื่องราวเกี่ยวกับผีดูดเลือด ได้นำเสนอไปแล้วในเรื่อง ท่านเคาท์ แดร๊คคูล่า แต่ความเป็นมาเกี่ยวกับผีดูดเลือดในยุโรปนั้น มีประวัติมายาวนานมาก ก่อนที่ท่านเคาท์จะโด่งดังและกลายมาเป็นหัวหน้าเหล่าผีดูดเลือดทั้งหลาย
ตำนานแวมไพร์
ตำนานแวมไพร์กับเรื่องราวความเป็นมาของแวมไพร์จากแหล่งต่างๆทั่วโลก
แวมไพร์ เรื่องจริงหรืออิงนิยาย
ตำนานแวมไพร์มีมานานนับเป็นพันๆปี เรียกว่าอยู่คู่กับประวัติศาสตร์มนุษย์ก็คงจะได้
แวมไพร์มิได้หมายถึงผีดูดเลือดแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ชนชาติต่างๆทั่วโลกต่างก็มีแวมไพร์ในแบบฉบับของตัวเอง ไล่ไปตั้งแต่แวมไพร์ฝรั่งผมบลอนด์ แวมไพร์จีน แวมไพร์ญี่ปุ่น ไปจนถึงแวมไพร์มาเลเซีย แบบที่เรียกกันว่า เพนังกะลัง
อย่างไรก็ตาม แวมไพร์ที่เราๆท่านๆคุ้นเคยกัน ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะกลายพันธ์ และภาพลักษณ์ไปหมด ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจาก อิทธิพลของหนังสือและภาพยนต์ ซึ่งร้อยทั้งร้อย ล้วนมาจากยุโรปและอเมริกาทั้งสิ้น จุดกำเนิดของตำนานแวมไพร์มาจากตะวันออกไกลครับ มันกระจายมาโดยผ่านเส้นทางจากจีน - ธิเบต - อินเดีย - ผ่านเส้นทางที่เรียกกันว่าทางสายไหมเข้าสู่แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตำนานนี้กระจายไปทั่วประเทศแถบทะเลดำ คาบสมุทรบอลข่าน รวมไปถึงฮังการี่ และดินแดนที่เราคุ้นเคยกัน ทรานซิลวาเนีย
ปัจจุบัน แวมไพร์ในความนึกคิดของเรามักจะเป็นไปในแนวของ ปีศาจดูดเลือด, ผู้ที่ฟื้นคืนชีพจากความตาย, ดำรงชีวิตได้เฉพาะยามค่ำคืน สามารถกลายร่างเป็นค้างคาวได้ คุณสมบัติพวกนี้เป็นแวมไพร์ของยุโรป และในหนังผีครับ จริงๆแล้วแวมไพร์มีคุณสมบัติที่หลากหลายแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เรามาดูกันดีกว่าว่า แวมไพร์ของแต่ละชนชาตินั้นเป็นอย่างไร
SLAVIC VAMPIRES
ชาวสลาฟเป็นชาติที่ร่ำรวยเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์มากที่สุดในยุโรปตะวัน ออก ดินแดนนี้กินพื้นที่ตั้งแต่ รัสเซีย บุลแกเรีย เซอร์เบียร์ จนกระทั่งถึงโปแลนด์ ความเชื่อพวกนี้ฝังรกรากมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 แน่ะ แหล่งชุมนุมแวมไพร์ที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่ที่ เมือง Magyars ซึ่งปัจจุบันเป็นพรมแดนต่อกันระหว่างประเทศฮังการีกับโรมาเนีย คำว่าแวมไพร์ก็มาจากภาษาของพวกเขานี่แหละครับ แวมไพร์พวกนี้จะมีเล็บมือและผมที่ทั้งยาวทั้งสกปรก มุมปากมีคราบเลือดเกรอะกรัง ไม่ชอบสุงสิงกับผู้คน วิธีการปราบแวมไพร์ของชาวสลาฟก็คือจับทำบาร์บีคิวครับ เผาทั้งเป็นเลย หรือไม่ก็พรมน้ำมนต์ที่ได้มาจากโบสถ์ใส่พวกมันก็ได้
ROMANIA
เนื่องจากโรมาเนียถูกแวดล้อมไปด้วยประเทศของชนชาติสลาฟ จึงไม่น่าแปลกใจเลย ว่าแวมไพร์ของพวกเค้าจะกระเดียดไปทางแวมไพร์เชื่อสายสลาฟนิดๆ ภาษาพื้นเมืองของโรมาเนียนั้น เรียกแวมไพร์ว่า Strigoi ครับ อาจจะหมายถึง นกฮูกแก่ๆ หรือปีศาจก็ได้ทั้งนั้น Strigoi มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน Strigoi ส่วนมากคือพวกผู้ใช้คาถา ซึ่งจะกลายเป็นแวมไพร์เมื่อตายแล้ว เจ้า Strigoi พวกนี้จะถอดวิญญาณออกจากร่างไปเพื่อชุมนุมกันในคืนพระจันทร์เต็มดวง หรือไม่ก็ออกตระเวนดูดเลือด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกในครอบครัว หรือไม่ก็เพื่อนบ้านใกล้เคียง
คนที่เกิดมาโดยมีสัญญลักษณ์ของปีศาจ (มีหาง เขี้ยวงอก ขนดกรุงรัง) หรือคนที่ตายอย่างผิดธรรมชาติ หรือตายโดยที่ยังไม่ได้ทำพิธีรับศีล พวกนี้มีสิทธิจะเป็นแวมไพร์ได้ทั้งนั้น ถ้าครอบครัวไหนมีลูกเพศเดียวกันถึงเจ็ดคน คนที่เจ็ดนั่นแหละครับ แวมไพร์มาเกิด พวกผู้หญิงแถวนั้นเวลาท้องพวกเธอต้องกินเกลือครับ เพื่อป้องกันลูกที่อยู่ในครรภ์ ส่วนพวกสุดท้ายที่มีสิทธิเป็นแวมไพร์ชัวร์ๆ คือพวกที่โดนแวมไพร์กัดเอา
แวมไพร์ เรื่องจริงหรืออิงนิยาย
ยังมีตำนานอีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวพันกับเรื่องของแวมไพร์อย่างใกล้ชิดครับ คิดว่าเราๆท่านๆก็คงคุ้นเคยกัน นั่นคือเรื่องราวของมนุษย์หมาป่านั่นเอง ตำราเค้าว่าไว้ว่ามีมนุษย์พวกหนึ่ง เมื่อถึงวันดีคืนดี จะมีปฏิกิริยากับดวงจันทร์ หรือดวงอาทิตย์ จนสามารถกลายร่างเป็นหมาป่า หมาดำ หรือแม้แต่หมูได้(อันนี้ไม่เคยได้ยินแฮะ^^)สิ่งกลายพันธ์พวกนี้ศัพท์วิชาการ เค้าเรียกLycanthropy ชาวโรมาเนียมีตำนานเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มากมายพอๆกับแวมไพร์เลยทีเดียว
ว่ากันว่าแวมไพร์นั้นจะแหวกหลุมศพขึ้นมาบนพื้นโลกเมื่อถึงเวลาอันควร มันมีใบหน้าที่ซีดเซียว ลมหายใจเหม็นเปรี้ยว และไม่ยอมแตะต้องอาหารที่มีส่วนประกอบของกระเทียมอย่างเด็ดขาด บ้านใดที่สงสัยว่าสมาชิกในครอบครัวที่เสียชีวิตไปแล้วจะกลายเป็นแวมไพร์มัก จะไปเปิดหลุมศพดูว่าศพยังอยู่หรือไม่ เค้ามีเวลาในการสำรวจหลุมศพดังนี้คะ ถ้าเป็นเด็กก็สามปีหลังการตาย ห้าปีสำหรับหนุ่มสาว และเจ็ดปีถึงจะเปิดสำหรับผู้ใหญ่ที่โตแล้ว
วิธีสังหารแวมไพร์ดูจะคล้ายๆกันทุกที่เลยคะ กล่าวคือ เมื่อชาวโรมาเนียพบหรือสงสัยว่าใครเป็นแวมไพร์ จะโดนจับเอากระเทียมยัดจนเต็มปากแล้วเอามาเผาไฟ หลุมศพใดที่ต้องสงสัยว่าเป็นแหล่งพำนักกายของแวมไพร์ก็จะมีการยิงกระสุนเงิน ทะลุฝาโลงเข้าไป ถ้าถุกแจ็คพอทเจอแวมไพร์ โลงนั้นจะมีไฟลุกพรึ่บดูสวยงามทีเดียวเชียวคะ(ฟังดูเว่อร์ๆ)
GYPSIES AND VAMPIRES
สำหรับคอหนังแล้ว ยิปซีดูจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับหนังผีดูดเลือดเลยจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นดารารับเชิญมันทุกเรื่องไป ในตำนานก็เช่นกันครับ ยิปซีมีบทบาทกับแวมไพร์อย่างใกล้ชิด วรรณกรรมชื่อดังของ บราม สโตเกอร์ ที่ชื่อ"แดร็คคิวล่า"นั้น ก็ได้กล่าวถึงสาวยิปซีที่คอยดูแลโลงของแดร็คคิวล่าอย่างจงรัก
ในความเป็นจริง ชาวยิปซีมีต้นกำเนิดมาจากอินเดียทางตอนเหนือ และอพยพย้ายถิ่นฐานเรื่อยมาจนเข้ามาถึงยุโรปราวๆศตวรรษที่ 14 ไล่เลี่ยกันกับการถือกำเนิดของจอมทรราชย์ วลาด แดร็คคิวล่า ความเชื่อทางศาสนาและพิธีกรรมอันเร้นลับของชาวยิปซีมีอิทธิพลกับยุโรปในตอน นั้นไม่น้อย โดยเฉพาะความเชื่อเรื่องวิญญาณและโลกหลังความตาย ไม่นานนัก ตำนานต่างๆที่เล่าขานกันมาในหมู่ยิปซีก็ถูกผนวกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเรื่อง เล่าของยุโรปแถบโรมาเนียและตุรกี แน่นอน เรื่องเหล่านี้รวมเรื่องแวมไพร์เข้าไปด้วย
บ้านเดิมของเหล่ายิปซี อินเดีย แหล่งรวมแห่งปรัชญาตะวันออก ที่นี่มีเรื่องเล่าลือและตำนานเกี่ยวกับสิ่งที่คล้ายแวมไพร์อยู่มากมาย เป็นต้นว่าภูต(Bhuta) วิญญานของคนที่ตายแบบผิดปกติชนิดวิญญาณยังสิงสู่อยู่ในร่าง ภูตเหล่านี้จะเดินท่อมๆไปตามถนนสายเปลี่ยวในยามค่ำคืน คอยทำร้ายและดื่มเลือดมนุษย์เป็นอาหาร
แวมไพร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอินเดียเห็นจะได้แก่ Kali หรือเจ้าแม่กาลีนั่นเอง นางนับเป็นภาคหนึ่งของพระแม่ทุรคา กาลีมีรูปร่างที่ดุร้าย สวมสายสังวาลย์ที่ทำจากหัวกะโหลก เจ้าแม่กาลีนี้เองที่เป็นต้นกำเนิดเรื่องราวของยิปซีแวมไพร์ เพราะความเชื่อและศรัทธาในตัวพระนางยังติดอยู่กับขาวยิปซีแม้ว่าพวกเขาจะ ข้ามน้ำข้ามทะเลย้ายรกรากมานับร้อยๆปีแล้วก็ตาม นามของกาลีจะเปลี่ยนไปตามการเรียกของยิปซีแต่ละสาย แวมไพร์ของชาวยิปซีมีอยู่ตัวหนึ่งชื่อมุลโล มีพฤติกรรมที่น่าสนใจเอามากๆ อันว่าเจ้ามุลโลนี้ส่วนมากจะเป็นประเภทผีล้างแค้น กลับมาจากความตายเพื่อทวงหนี้จากศัตรูคู่แค้นด้วยการสูบเลือดเป็นอาหาร แวมไพร์ที่เป็นผู้หญิงยิ่งน่ากลัวใหญ่เลยคะ แวมไพร์พวกนี้สามารถมีชิวิตอย่างคนธรรมดาและดำรงชีพด้วยการกินเรี่ยวแรงสามี จนทำให้พวกเขากระปลกกระเปลี้ย แวมไพร์ของยิปซีนั้นไม่ได้มีแค่คนตายเท่านั้น สัตว์เลี้ยงหรือผักผลไม้ก็เป็นแวมไพร์ได้ทั้งนั้น ฟักทองและแตงกวาที่ถูกทิ้งไว้ในบ้านนานๆโดยไม่มีใครกินนี่ก็ด้วย วันดีคืนดีมันจะเคลื่อนไหวได้เอง ส่งเสียงอึกทึกและมีเลือดหยดไหลออกมาเป็นทางดูน่าสยดสยองมาก